Last updated: 20 ธ.ค. 2566 | 259 จำนวนผู้เข้าชม |
ใบหน้าของคนเราแบ่งเป็นสัดส่วนได้ 3 ส่วน ได้แก่ ช่วงหน้าผาก โดยไล่ตั้งแต่โคนผมลงมาถึงคิ้ว ช่วงจมูกไล่ตั้งแต่คิ้วผมลงมาถึงปลายจมูก และช่วงคาง ไล่ตั้งแต่คิ้วผมลงมาถึงปลายจมูก ทั้ง 3 ส่วนจะต้องมีความยาวที่เท่ากัน จึงจะถือใบหน้านั้นได้สัดส่วน เป๊ะ มีมิติตามที่ควรที่จะเป็น แต่หากส่วนคางสั้นกว่าส่วนอื่นจะอาจทำให้ดูสั้นนั่นเอง
วันนี้ รณภีร์คลินิก จะพาทุกคนไปรู้จักทุกเรื่องราวของการเสริมคางตั้งแต่การเช็กรูปคางของตนเอง ไปจนถึงการเลือกคลินิก ครบจบผ่านบทความนี้กันค่ะ
คางของคุณเป็นแบบไหนกันนะ?
คางตัด คือคางที่ดูตัดเป็นเหลี่ยม ปลายคางดูสั้นไม่ละมุน จึงทำใบหน้าดูดุ และแข็ง การเสริมให้คางดูยาวรับใบหน้าจะทำให้หน้าดูละมุนมากยิ่งขึ้น
คางสั้น คือคางที่วัดจากสัดส่วนของใบหน้าไล่ตั้งแต่ปลายจมูกลงมาถึงปลายคางแล้วดูสั้นกว่าส่วนอื่นๆ เช่น ช่วงหน้าผาก ช่วงจมูก ช่วงคาง โดยที่ทั้ง 3 ส่วนจะต้องยาวเท่ากัน หากไม่เท่ากันจะทำให้หน้าดูสั้น ไม่สมส่วน
คางถอย คือคางที่ดูยุบลงไปมากกว่าส่วนอื่น ทำให้มุมของด้านข้างไม่เสมอกัน ทำให้ใบหน้าดูขาดมิติ
คางเบี้ยว คือคางที่มีเนื้อทั้ง 2 ฝั่งไม่เท่ากัน เกิดจากกระดูก หรือกล้ามเนื้อบริเวณนั้นทั้ง 2 ไม่สมดุลกัน ทำให้คางดูเอียงไม่เสมอกัน
คางบุ๋ม คือคางที่เป็นร่องยุบลงไป ไม่เรียบเนียน เกิดจากกระดูกหรือกล้ามเนื้อคางทั้ง 2 ฝั่งไม่ต่อกัน ทำให้เห็นเป็นร่องลึก
รูปแบบการเสริมคางที่นิยมในปัจจุบัน
การเสริมคางในปัจจุบันที่เป็นที่นิยม มีอยู่ 2 รูปแบบ ได้แก่ การฉีดสารเติมเต็ม และการใช้ซิลิโคน
สารเติมเต็ม
คือการฉีดสารเติมเต็มกลุ่มไฮยาลูโรนิก แอซิด เข้าไปที่คาง เพื่อเติมเต็มชั้นผิวบริเวณนั้น ให้คางดูยาวขึ้น แพทย์จะทำการปรับรูปคางตามที่คนไข้ต้องการ เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัด และพักฟื้นนานๆ แต่วิธีนี้ไม่สามารถอยู่ได้ถาวร จึงจำเป็นที่จะต้องเติมทุกๆ 1 - 2 ปี อยู่ที่การดูแลตัวเองของคนไข้เอง
ซิลิโคน
คือการทำคางโดยการผ่าตัดนำซิลิโคนที่ใช้ทางการแพทย์ ซึ่งมีความปลอดภัยสูงใส่เข้าไปเพื่อให้คางดูยาวขึ้น นอกจากนี้ผลลัพธ์ของการเสริมด้วยซิลิโคนทรงจะออกมาสวยกว่าการฉีดสารเติมเต็ม เพราะแพทย์จะทำการเหลาทรงซิลิโคนให้เหมาะกับรูปหน้าของคนไข้ สามารถอยู่ได้ตลอดชีวิต
การเสริมคางมี 2 แบบ ได้แก่
เสริมคางแผลนอก
เป็นการผ่าตัดเปิดแผลใต้คาง ความยาว 2 - 3 ซม. ก่อนใส่ซิลิโคนเข้าไปในบริเวณที่ทำการเปิดแผล ก่อนทำการเย็บปิด
เสริมคางแผลใน
เป็นการผ่าตัดแผลด้านในปาก บริเวณเหงือกริมฝีปากล่าง ความยาว 1 - 2 ซม. ก่อนใส่ซิลิโคนเข้าไปและเย็บปิด
การดูแลตนเองก่อน - หลังการเสริมคาง
ก่อนการเสริมคาง
-คนไข้ควรพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6 - 8 ชม. เพราะหากร่างกายของเราได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอต่อวัน สามารถช่วยให้แผลสมานได้เร็วขึ้น
-ควรรับประทานที่สะอาด ครบ 5 หมู่ และเน้นกลุ่มประเภทโปรตีนจะช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อ และกล้ามเนื้อ ทำให้แผลสมานกันเร็วขึ้น
-ก่อนทำคาง คนไข้ควรงดยากลุ่มแอสไพริน วิตามินเสริม อย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพราะหากคนไข้กลุ่มยาที่กล่าวมาข้างต้น ระหว่างการผ่าตัดอาจทำให้เลือดไหลไม่หยุดได้
-งดสูบบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพราะหลังผ่าตัดอาจส่งผลให้แผลบวม และหายช้าได้
หลังการเสริมคาง
-การประคบเย็น ช่วยบรรเทาอาการปวด ลดอาการบวมช้ำ โดยเฉพาะในช่วง 1 - 3 วันแรกหลังการผ่าตัด ให้ประคบด้วยเจลเย็น และวันที่ 4 ให้เปลี่ยนมาเป็นประคบอุ่นแทน
-เลือกทานอาหารที่เคี้ยวง่าย เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม และงดพวกของแสลงที่อาจทำให้แผลบวมและหายช้า
-ไม่เท้าคาง หรือดันคาง เพราะในช่วงแรกหลังผ่าตัด แผลยังไม่เข้าที่และรัดแกน อาจทำให้แผลบวม หายช้าได้ นอกจากนี้ยังอาจทำให้ซิลิโคนเคลื่อน หรือเบี้ยวเอียงได้
-ทานยา เช่น ยาแก้ปวด ยาลดบวมช้ำ ยาฆ่าเชื้อ ลดการอักเสบ เป็นต้น ตามที่แพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยบรรเทาอาการต่าง ๆ โดยเฉพาะกระตุ้นการฟื้นตัว ป้องกันการอักเสบของแผล
เสริมคางที่รณภีร์คลินิกดียังไง
-เราเลือกใช้ซิลิโคน Medical Grade ที่มีความปลอดภัย ได้มาตรฐาน
-ทีมแพทย์ที่รณภีร์คลินิก มีความเชี่ยวชาญ ออกแบบให้รับกับรูปหน้าของแต่ละคน สวยเป๊ะแน่นอน
-ทางคลินิกมีแอดมินคอยตอบทุกข้อสงสัยของคนไข้ เพื่อให้คนไข้รับสิ่งที่ดีที่สุด
อย่างที่รู้กันค่ะว่าทุกการศัลยกรรมมีความเสี่ยง ดังนั้นก่อนการศัลยกรรมทุกครั้งควรศึกษาหาข้อมูลอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการเลือกคลินิก การเตรียมตัวก่อน - หลังทำ เพื่อลดอัตราเสี่ยงและทำให้เราได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดนั่นเอง
สำหรับใครที่มีความสนใจที่จะเสริมคางในช่วงนี้ สามารถปรึกษาเบื้องต้นก่อนได้ที่ LINE : @rpcclinic ปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
26 ก.พ. 2567