Implanter Pen อุปกรณ์ปลูกผมสุดฮอตที่เทคนิคไหนก็ต้องใช้

Last updated: 15 ก.พ. 2567  |  346 จำนวนผู้เข้าชม  | 

Implanter Pen อุปกรณ์ปลูกผมสุดฮอตที่เทคนิคไหนก็ต้องใช้


หัวล้าน ผมร่วง ผมบาง เป็นปัญหาที่มีมาทุกยุคทุกสมัย เมื่อก่อนคนอาจจะมองว่ามันเป็นเรื่องปกติแต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่ามันเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้คนเราขาดความมั่นใจ เมื่อวันเวลาผ่านไปอะไร ๆ ก็เปลี่ยนแปลง โลกได้มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่เข้ามามากขึ้น รวมถึงนวัตกรรมที่คอยแก้ปัญหาหัวล้าน ผมร่วง ผมบาง เหล่านี้ด้วย


ที่มา zavimed.com

Implanter Pen อุปกรณ์ปลูกผมที่มีมากว่า 30 ปี

Implanter Pen เป็นอุปกรณ์ปลูกผมถาวรที่ทำร่วมกับเทคนิคปลูกผมอื่น ๆ โดยใช้วิธีการเจาะรูเพื่อสร้างรูปลูกผม (Recipient Site) พร้อม ๆ กับการฝังกราฟท์ลงไปในการเจาะเพียงครั้งเดียว เดิมทีอุปกรณ์นี้ถูกคิดค้นโดยด็อกเตอร์คิมจองชอลในปี ค.ศ. 1992 ที่ประเทศเกาหลีใต้ แต่ ณ ตอนนั้นเทคนิค FUT ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากและไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์อย่าง Implanter Pen เนื่องจากใช้คีมปลูกผม (Forceps) ก็เพียงพอแล้ว อีกทั้ง Implanter Pen ในยุคนั้นถูกกล่าวหาว่ายังไม่ค่อยมีประโยชน์เท่ากับอุปกรณ์อื่น ๆ แพทย์และผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ จึงไม่สนใจอุปกรณ์นี้เท่าใดนัก

มาดูส่วนประกอบของ Implanter Pen กันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
1. เข็มเจาะ (Needle) มีลักษณะเป็นรูกลวงไม่ได้เชื่อมติดกันทั้งหมดแต่จะมีช่องเว้นไว้เพื่อให้ใส่กราฟท์ผมและใช้เจาะเข้าไปบนหนังศีรษะ เพื่อสร้างรูปลูกผม
2. ตัวปากกา (Body) แบ่งออกเป็นภายนอก (Outer) และภายใน (Inner) ตัวปากกาภายนอกใช้สำหรับจับ ส่วนภายในสามารถเลื่อนขึ้นลงได้
3. ส่วนควบคุมเข็มเจาะ (Needle Controller) เป็นส่วนที่อยู่ใกล้กับส่วนปลายปากกาภายใน สามารถหมุนขึ้นลงเพื่อปรับระดับความยาวไว้สำหรับเจาะหนังศีรษะได้
4. ปุ่มกดท้ายปากกา (Cap) ใช้ควบคุมการเลื่อนขึ้นลงของปากกา เพื่อดันกราฟท์ผมขณะปลูกผม

แล้ว FUT คืออะไร ?

FUT หรือ Follicular Unit Hair Transplant เป็นเทคนิคปลูกผมถาวรแบบหนึ่งที่ใช้วิธีการตัดผิวหนังชั้นบนพร้อมกับเซลล์รากผมของหนังศีรษะจากบริเวณท้ายทอยหรือขมับของคนไข้ จากนั้นแพทย์จะทำการแบ่งเซลล์รากผมออกมาแล้วนำไปปลูกในบริเวณที่มีปัญหา ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่ทำให้เซลล์เสียหายน้อยที่สุดและมีโอกาสปลูกผมติดมากกว่าเทคนิคอื่น ๆ 

พออ่านมาถึงตรงนี้แล้วเพื่อน ๆ อาจจะเกิดคำถามว่าในเมื่อ FUT เป็นเทคนิคที่ทำให้รากผมเสียหายน้อยที่สุดแต่ทำไมไม่ว่าจะคลินิกหรือโรงพยาบาลไหน ๆ ที่มีบริการการปลูกผมเรามักจะเห็นชื่อเทคนิค FUE ผ่านตาบ่อยกว่าเทคนิคอื่นล่ะ ?

นั่นก็เพราะว่าในช่วงปีคริสต์ทศวรรษที่ 2000 แพทย์รวมถึงผู้เชี่ยวชาญได้หันมาพัฒนาเทคนิค FUE ที่ยังมีข้อเสียอยู่มากอย่างกราฟท์ผมที่ถูกถอดด้วยเทคนิคนี้จะมีความอ่อนแอมากกว่าเทคนิคอื่น ๆ เนื่องจากไม่มีเนื้อเยื่อรอบ ๆ และไขมันห่อหุ้มกราฟท์ เพื่อแก้ปัญหานี้ทางแพทย์และผู้เชี่ยวชาญได้ลองนำ Implanter Pen มาใช้ร่วมกับเทคนิค FUE ปรากฏว่าอุปกรณ์ดังกล่าวช่วยรักษาสภาพกราฟท์ได้ดีมาก ๆ ความเสียหายที่เคยมีก็ลดน้อยลง เหตุนี้ FUE จึงได้รับความนิยมอีกครั้งเพราะมีตัวช่วยอย่าง Implanter Pen นี่เอง และในเวลาถัดมาพระเอกอย่าง Implanter Pen ก็ได้กลายมาเป็นอุปกรณ์ของเทคนิค FUT ด้วยเช่นกัน



FUT vs FUE

แล้ว FUT กับ FUE ต่างกันยังไง ? ก็เห็นว่าเป็นการฝังกราฟท์เหมือนกันนี่นา ซ้ำยังใช้อุปกรณ์แบบเดียวกันได้ด้วย แท้จริงแล้วความต่างสิ่งแรกที่เห็นได้ชัดเลยนั่นก็คือการย้ายเซลล์รากผม ก่อนจะทำการลงมือปลูกผมในขั้นตอนแรกแพทย์ผู้รับผิดชอบจะต้องดึงกราฟท์ผมออกมาก่อนเพื่อจะได้นำไปปลูกในส่วนที่มีปัญหา ซึ่งการย้ายนี้หากเป็นเทคนิค FUT จะเป็นการตัดผิวหนังชั้นบนพร้อมกับเซลล์รากผมของหนังศีรษะ แต่ FUE จะใช้เครื่องมือเจาะย้ายรากผมแทน โดยเครื่องมือจะมีขนาดหัวเจาะประมาณ 0.8-1.0 มม. 

อีกส่วนที่เห็นชัดเจนอีกนั่นก็คือรอยแผลเป็นหลังการปลูกผม ทางด้าน FUT จะมีรอยแผลเป็นเส้นตรงด้านหลังศีรษะ หากนำผมลงมาปิดจะทำให้มองไม่ค่อยเห็นรอยแผล อีกทั้งเทคนิคนี้ยังเป็นการเย็บแผลแบบ Trichopht technique การเย็บแบบนี้จะทำให้เส้นผมที่งอกมาใหม่สามารถปิดแผลได้มิดพอสมควร ส่วน FUE นั้นจะมีรอยเป็นจุด ๆ คล้ายรูขุมขนที่เปิดกว้างเล็กน้อย คนกลัวรูอาจจะไม่ชอบ แต่หากผมยาวขึ้นก็จะทำให้มองไม่ค่อยเห็นรอยแผลเช่นเดียวกับเทคนิค FUT

เป็นไงกันบ้างกับความรู้เกี่ยวกับ Implanter Pen อุปกรณ์ปลูกผมที่รณภีร์ได้เอามาฝากกันในวันนี้ และยังมีเกล็ดความรู้เล็ก ๆ จากเทคนิค FUT และ FUE อีกด้วย ต่อไปนี้เพื่อน ๆ จะได้ถึงบางอ้อไม่ต้องสงสัยว่าสองเทคนิคนี้ต่างกันยังไงอีกต่อไป หากเพื่อน ๆ คนใดสนใจอยากปลูกผมแต่ยังลังเลหรือต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม สามารถปรึกษาฟรีกับรณภีร์ได้ที่ Line: @hairliferpc เลยค่า

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้